ไวน์กับสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลง
Wine n' Business
ไวน์กับสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลง

การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ กรุงปารีส เพิ่งผ่านพ้นไป  ทศวรรษนี้จัดว่ามีสภาพอากาศที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา และเราต่างก็เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกันบ้างแล้ว แต่ถ้าเรายังไม่ทำอะไรสักอย่าง อนาคตของไวน์ และมนุษยชาติจะอยู่ในเงื้อมมือของมัจจุราชอย่างแน่นอน ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าอนาคตของไวน์จะเป็นเช่นไร

อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะนำไปสู่การสูญพันธุ์ขององุ่นบางสายพันธุ์ในเขตปลูกองุ่นบางแห่ง ยกตัวอย่างเช่น องุ่นสายพันธุ์ Syrah ซึ่งอยู่คู่เขต Languedoc ในประเทศฝรั่งเศสมาช้านาน แต่ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้น ได้ส่งผลให้ Syrah ไม่สามารถปลูกในเขตนี้ได้อีกต่อไป ในขณะที่ประเทศอังกฤษเริ่มมีสภาพภูมิอากาศที่อุ่นพอที่จะปลูกสายพันธุ์องุ่นที่นำมาผลิตไวน์แชมเปญได้แล้ว ส่วนผู้ผลิตไวน์ในเขต Chablis ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาน้ำค้างแข็งในฤดูใบไม้ผลิอีกต่อไป

Projected_impact_of_climate_change_on_agricultural_yields_by_the_2080s,_compared_to_2003_levels_(Cline,_2007)

สภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นยังนำไปสู่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นในแหล่งผลิตทั่วโลกเริ่มต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม 2-3 สัปดาห์ และยังส่งผลให้ระดับแอลกอฮอล์ในไวน์แดงเพิ่มสูงขึ้น 1% ในช่วงปี 1960s และ 2% ในช่วงปี 1970s ผู้ผลิตยังบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไวน์มีระดับแอลกอฮอล์สูงขึ้น แต่รสชาติมีความลึก และซับซ้อนน้อยลง

ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก และถึงแม้สัญญาณบางอย่างจะเป็นเรื่องดี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แหล่งผลิตไวน์จำนวนมากกำลังต่อสู้กับการล้มตายขององุ่น ซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้น

Vineyard_in_Naoussa,_Central_Macedonia,_Greece

มันเป็นเรื่องยากที่จะพยากรณ์สภาพภูมิอากาศในแต่ละท้องถิ่น ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อน ดังนั้น จึงได้มีการศึกษาเขตผลิตไวน์ในทวีปยุโรป ภายใต้การทำงานของนักเขียน 7 ท่าน โดยมี Marco Moriondo เป็นผู้ควบคุมดูแล การศึกษานี้เรียกว่า “การวางแผนย้ายเขตผลิตไวน์เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ” ซึ่งจะทำการศึกษาว่า เรามีความจำเป็นที่จะต้องการย้ายไร่องุ่นให้เข้าใกล้ขั้วโลกมากขึ้น หรืออยู่ในที่สูงขึ้นหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ 2 อาจเป็นเรื่องยากสำหรับแหล่งผลิตไวน์ทุกแห่งทั่วโลก ยกตัวอย่าง ผู้ปลูกองุ่นในเขต Chianti และ Provence สามารถย้ายไร่องุ่นไปสู่ที่สูงขึ้นได้ แต่ผู้ปลูกในเขต Bordeaux ไม่สามารถทำได้

ผลการศึกษาที่ออกมา แสดงให้เห็นว่า “การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพียงเล็กน้อย ก็สามารถส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเถาองุ่นในพื้นที่ที่เหมาะสมได้” นั่นหมายความว่า หากคุณต้องการผลิตไวน์แชมเปญในอนาคตให้มีคุณลักษณะเดียวกับในปัจจุบัน ปัจจัยแวดล้อมต่างๆในเขตแชมเปญจำเป็นต้องมีสภาพเหมือนเดิมกับในปัจจุบันทุกประการ นอกจากนี้ การศึกษายังได้เผยรายชื่อแหล่งปลูกองุ่นที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักระหว่างปี 2020 ถึงปี 2050 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาในอนาคต โดยในจำนวนนี้ ประกอบไปด้วยแหล่งปลูกองุ่น อาทิ Languedoc, Roussillon, Penedès, Extremadura, la Mancha และ Douro เป็นต้น ส่วนเขต Provence และ Southern Rhone ถูกระบุให้เป็นหนึ่งในจำนวนแหล่งผลิตที่จะรอดจากการได้รับผลกระทบ เนื่องจากเป็นเขตปลูกองุ่นที่สามารถย้ายขึ้นไปสู่ที่สูงได้

นั่นเป็นเพียงการพูดคุยในเรื่องสภาพอากาศ แต่หากสภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้น มันจะสามารถ สั่นคลอนความมั่นคงในระดับโลก และส่งผลกระทบต่อการผลิตไวน์ได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลานั้น หลายคนคงไม่มานั่งกังวลถึงรสชาติไวน์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะอาจจะมีเรื่องอื่นที่น่ากังวลยิ่งกว่า

Vineyards Lake Okanagan

อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่งสิ้นหวังกันไป เพราะถึงแม้เราอาจจะต้องสูญเสียไวน์รูปแบบเดิมๆไปบางส่วน แต่ไวน์ที่ทำจากองุ่นสายพันธุ์อื่นๆ และจากภูมิภาคอื่นๆอาจจะมีรสชาติที่น่าพิสมัยขึ้นมาอย่างกะทันหันก็เป็นได้ และถึงจุดนั้น เราก็อาจจะได้พบกับไวน์รสชาติดีๆที่มาจากแหล่งผลิตที่ไม่เคยมีชื่อเสียงมาก่อน บวกกับการที่เรามีเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัยยิ่งขึ้น สภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงอาจไม่สามารถขจัดไวน์ที่มีรูปแบบ และรสชาติดั้งเดิมให้หมดสิ้นไปได้ หากเราฉลาดหาวิธีรับมือกับมัน